เสียวหมี่ (Xiaomi) เผยรายได้ในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 1.03 แสนล้านหยวน เพิ่มขึ้น 7.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า กำไรเพิ่มขึ้น 22.3% อยู่ที่ 1.5 หมื่นล้านหยวน แม้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ในช่วงล็อกดาวน์ แต่หลังปลดล็อกกำลังซื้อเริ่มทยอยกลับมา
ช่วงครึ่งแรกของปี 2563 เสียวหมี่ ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และความไม่แน่นอนทั่วโลก แต่ระบบนิเวศทางธุรกิจที่หลากหลายของเสียวหมี่ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการฟื้นตัว เนื่องจากทั้งรายรับและผลกำไรที่ปรับยอดแล้วของยังคงสูงกว่าประมาณการส่วนใหญ่
ในขณะเดียวกัน การดำเนินงานยังคงขยายตัว พร้อมกับการประกาศวิสัยทัศน์ "สมาร์ทโฟน X AIoT” โดย AIoT ซึ่งหมุนเวียนอยู่ในธุรกิจสมาร์ทโฟนหลักจะทำให้เสียวหมี่ เป็นผู้นำในการใช้ชีวิตในทศวรรษหน้า ภายใต้ “หลักการสามประการ” คือ ไม่หยุดที่จะสำรวจและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีอัตราส่วนราคาต่อประสิทธิภาพที่เหมาะสม และพยายามสร้างผลิตภัณฑ์เพื่อให้ทุกคนในโลกมีชีวิตที่ดีขึ้น
โดยรายได้ของเสียวหมี่มาจากกลุ่มสมาร์ทโฟนอยู่ที่ 61.952 พันล้านหยวน และ 31.628 พันล้านหยวน ในช่วงครึ่งปีแรกและไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 ตามลำดับ และมียอดจัดส่งสมาร์ทโฟนอยู่ที่ 28.3 ล้านหน่วย
จากข้อมูลของ Canalys ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 เสียวหมี่อยู่ในอันดับที่ 4 ของโลกในด้านยอดจัดส่งสมาร์ทโฟน โดยมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 10.1% สำหรับตลาดต่างประเทศ การจัดส่งสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมที่มีราคาขายปลีกตั้งแต่ 300 ยูโรขึ้นไปเพิ่มขึ้น 99.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะเดียวกัน กลุ่มบริษัทเสียวหมี่ ยังคงดำเนินกลยุทธ์ Dual Brand ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม สมาร์ทโฟนแฟลกชิปรองรับเทคโนโลยี 5G ของเสียวหมี่ รุ่น Mi 10 และ Mi 10 Pro เปิดตัวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2563 และมียอดจัดส่งเกินหนึ่งล้านเครื่องภายในเวลาเพียง 2 เดือน ในเดือนสิงหาคม 2563 เสียวหมี่ได้เปิดตัว Mi 10 Ultra และได้คะแนน DXOMARK ที่ 130 สำหรับประสิทธิภาพของกล้องโดยรวม ซึ่งเป็นอันดับที่ 1 ของโลกอีกครั้งในช่วงเวลาที่เปิดตัว และมียอดขายเกิน 400 ล้านหยวนหลังจากเปิดตัวไปเพียง 10 นาที
ส่วนแบรนด์เรดมี่ ยังคงทำให้เทคโนโลยี 5G เข้าถึงตลาดมวลชนได้เป็นอย่างดี ในเดือนมิถุนายนปี 2563 กลุ่มบริษัทเสียวหมี่ได้เปิดตัว เรดมี่ 9A ซีรีส์ ซึ่งมีราคาเริ่มต้นเพียง 499 หยวน และต่อมาได้เปิดตัว เรดมี่ K30 Ultra ในเดือนสิงหาคม โดยมีคุณสมบัติระดับพรีเมียมรอบด้าน ในราคาเริ่มต้นเพียง 1,999 หยวน
นอกจากนี้ เสียวหมี่ยังได้เปิดตัวโรงงานอัจฉริยะเมื่อเร็วๆ นี้ด้วยมูลค่าการลงทุนรวม 600 ล้านหยวน ซึ่งเป็นการเปิดยุคแห่งการผลิตเหนือระดับที่โรงงานของเสียวหมี่ โดย Mi 10 Ultra นับเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นอัลตร้าไฮเอนด์รุ่นแรกที่ดำเนินการผลิตที่โรงงานอัจฉริยะของเสียวหมี่แห่งนี้
ถัดมาคือรายได้จากกลุ่มบริการอินเทอร์เน็ตอยู่ที่ 11.808 พันล้านหยวน และ 5,908 พันล้านหยวน ในช่วงครึ่งปีแรกและไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 ตามลำดับ ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 จำนวนผู้ใช้ต่อเดือนของ MIUI เพิ่มขึ้น 23.3% เมื่อเทียบปีต่อปี เป็น 343.5 ล้านคน ในขณะที่จำนวนผู้ใช้ต่อเดือนของ MIUI ของจีนแผ่นดินใหญ่อยู่ที่ 109.7 ล้านคน
นอกจากนี้ ในไตรมาสที่ 2 ยังมีรายรับจากโฆษณาเพิ่มขึ้น 23.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 3.1 พันล้านหยวน โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของรายรับโฆษณาในต่างประเทศ
ทั้งนี้ ผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ในไตรมาสที่ 2 ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานทั่วโลกของเสียวหมี่ในระดับที่แตกต่างกันออกไป ในเดือนเมษายนและพฤษภาคม 2563 ตลาดหลักหลายแห่งของกลุ่มบริษัทเสียวหมี่มีการใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวด ซึ่งส่งผลกระทบต่อยอดขายเป็นอย่างมาก ต่อมาเมื่อข้อจำกัดทางธุรกิจค่อยๆ ลดลง ยอดขายจึงฟื้นตัวขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
"ต่อ" - Google News
August 28, 2020 at 12:08PM
https://ift.tt/3gCXdrZ
Xiaomi ยังเติบโตต่อเนื่อง ในไตรมาส 2 ทำรายได้ครึ่งปี 1 แสนล้านหยวน - ผู้จัดการออนไลน์
"ต่อ" - Google News
https://ift.tt/2TWExL0
No comments:
Post a Comment