
“เศรษฐกิจ” ปากท้องจ่อเข้ามาติดๆ
แน่นอนว่าการปรับ ครม. ไม่มีทางเลี่ยงไปเป็นอย่างอื่นได้เพียงแต่ว่าจะออกมาในรูปแบบใดเพื่อสร้างความเชื่อมั่นทุกมิติ
คาราคาซังไปอย่างนี้ย่อมไม่มีประโยชน์อันใด ตำแหน่งทั่วๆไป คงไม่เท่าใดแต่ “ทีมเศรษฐกิจ” คือปัจจัยชี้ขาด
วันนี้หากมองให้ทะลุกันแล้ว แม้ทีมเศรษฐกิจชุดเก่าจะยังทำงานอยู่แต่เมื่อสถานการณ์ความเป็นไปคือความไม่แน่นอนว่าจะได้ทำงานต่อไปหรือไม่
หนทางที่จะมีความเป็นได้คือจะต้องมีการเปิดทางเพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ได้ตัดสินใจง่ายขึ้น
คือยกทีมลาออกทั้งชุด
ไล่ตั้งแต่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีคลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีพลังงาน นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีกระทรวงการอุดมศึกษาฯ
หรือแม้กระทั่งนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกฯ
เพราะคงจะตัดสินใจกันแล้วว่าน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพื่อให้ทุกอย่างคลี่คลายแก้ปัญหาให้รัฐบาลและยังตัดปัญหาความคับข้องใจที่ดำรงอยู่
หากอยู่ต่อไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเมื่อถูกไล่อยู่ทุกวันใครจะมีกะจิตกะใจทำงาน ถ้าไร้สมาธิกับปัญหาหนักๆ เรื่องเศรษฐกิจยากที่จะทำให้ดีขึ้นมาได้
จากนี้ไปก็เป็นเรื่องของนายกฯที่จะต้องสร้าง “ทีมเศรษฐกิจ” ขึ้นมาใหม่ด้วยการหาบุคคลเข้ามาทำหน้าที่แทน
ไม่รู้ว่า “คนนอก” ที่มีการทาบทามให้เข้ามาร่วมทำงานนั้นจะเป็นใครกันบ้าง แต่ป่านนี้น่าจะมีความชัดเจนแล้ว
“ทีมเศรษฐกิจ” ใหม่นั้นมีความสำคัญยิ่ง
ถือเป็นหน้าเป็นตาให้กับรัฐบาล “ลุงตู่” ที่จะขับเคลื่อนประเทศโดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งมีม่านหมอกปกคลุมด้วยผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งมิใช่แค่ในประเทศเท่านั้นแต่ผูกพันกันไปทั้งโลก
วัดความเป็นไปของรัฐบาลชุดนี้ด้วย
แม้นายกฯจะมีอำนาจเต็มๆ ในปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ครม. แต่ผลพวงที่จะตามมานั้นย่อมเกี่ยวกันไปถึงพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลด้วย
พลังประชารัฐในฐานะพรรคแกนนำที่แม้ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะเข้าไปเป็นหัวหน้าพรรคเต็มตัวนั้นยังอยู่ในสถานการณ์ “น้ำนิ่งรอกระเพื่อม”
หลังจากสำแดงพลังจน “4 กุมาร” พ้นจากพรรคไปแล้วก้าวต่อไปคือการพาเหรดเข้าสู่ตำแหน่งรัฐมนตรีเมื่อสัญญาณเปิดให้มีการปรับ ครม.
สิ่งที่เปลี่ยนไปหลังจากที่ พล.อ.ประวิตรขึ้นสู่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ด้านหนึ่งทำให้พรรคมีเอกภาพมากขึ้นถึงขั้นออกมาระบุด้วยว่าจะต้องสร้างให้เป็น “สถาบันการเมือง” ให้ได้
ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจยกเดียวจอดอย่างที่ถูกปรามาส
“อำนาจ” การต่อรองก็จะเพิ่มดีกรีมากขึ้นไปอีก
ประเด็นสำคัญก็คือนายกฯจะต้องคิดหนักไม่น้อย ตรงที่จะต้องได้รัฐมนตรีเป็นที่ยอมรับและไม่มีปัญหาขัดแย้งในรัฐบาลตามมา
และยังเป็นดัชนีวัดอนาคตด้วยเช่นกัน.
“สายล่อฟ้า”
"ต่อ" - Google News
July 17, 2020 at 05:09AM
https://ift.tt/2CM1pHm
สิ่งที่จะได้เห็นกันต่อไป - ไทยรัฐ
"ต่อ" - Google News
https://ift.tt/2TWExL0
No comments:
Post a Comment